ผิวหนังแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ซึ่งมีเส้นใยอีลาสติน คอลลาเจน ที่ช่วยเพิ่มความยืดหนุ่นและความกระชับให้แก่ผิว และชั้นสุดท้ายคือชั้นใต้ผิวหนังซึ่งมีไขมันเป็นส่วนประกอบอยู่ เมื่อมีน้ำหนักตัวมากขึ้น เซลล์ไขมันในชั้นใต้ผิวหนังจะยืดขยาย ทำให้เส้นใยอีลาสตินในชั้นหนังแท้ต้องขยายตาม และหากอ้วนนานเส้นใยอีลาสตินก็จะยืดตัวถาวร ส่วนคอลลาเจนจะเรียงตัวผิดปกติจากเดิมทำให้เกิดรอยแตกลาย ด้วยเหตุนี้หากคุณลดน้ำหนักมากๆ ในระยะเวลาอันสั้น คือ เกินกว่า 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ อาจทำให้เกิดผิวหย่อนคล้อยเพราะผิวที่เคยยืดขยายหดตัวอย่างรวดเร็ว
หลังลดน้ำหนักผิวของคุณจะหย่อนคล้อยมากน้อยเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวที่ลดลงและอายุด้วย ในกรณีที่คุณยังอายุน้อยและลดน้ำหนักตัวมาก ผิวของคุณอาจหย่อนคล้อย แต่จะน้อยกว่าและฟื้นฟูสภาพผิวได้เร็วกว่าคนที่อายุมาก เพราะอายุที่มากขึ้นเป็นตัวแปรของปริมาณเส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนของผิวหนังที่น้อยลงเรื่อยๆ
ผอมแบบไม่ทำร้ายผิว
ปัจจุบันมีวิธีการลดความอ้วนที่นิยมทำและส่งผลเสียต่อผิว เช่น กินยาลดความอ้วน การอดอาหาร และการตบสลายไขมัน การอดอาหารทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล เพราะไปลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลง ส่วนการตบสลายไขมันที่ใช้ครีมและความร้อนจะมีผลต่อปริมาณน้ำในผิว ทำให้ผิวแห้ง เหี่ยว และในความเป็นจริงไขมันอยู่ลึกมาก การตบสลายไขมันนั้นนอกจากจะไม่สามารถกำจัดไขมันได้แล้ว ยังส่งผลให้ผิวชั้นหนังแท้และหนังกำพร้าช้ำอีกด้วย
การลดความอ้วนที่ไม่ส่งผลเสียต่อผิวนั้นน้ำหนักตัวจะต้องลดลงไม่เกิน 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี คือ ลดน้ำหนักโดยการเผาผลาญไขมันในชั้นผิวหนัง ไม่ใช่การลดน้ำหรืออาหารซึ่งอย่างหลังจะกระทบต่อปริมาณน้ำตาลภายในเลือดด้วย
วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ งดแป้ง ไขมัน และออกกำลังกายร่วมด้วย โดยเฉพาะแอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เพราะการออกกำลังกายเหล่านี้ช่วยให้เผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังทั่วร่างกาย ส่วนการออกกำลังกายเฉพาะส่วนนั้นจะไปช่วยเผาผลาญไขมันในกล้ามเนื้อ
วิธีแก้ “หย่อน ยาน ย้วย”
หากผิวยากจะฟื้นฟูและทำแล้วไม่เห็นผลอาจต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่รักษาได้ลึกถึงชั้นไขมัน โดยใช้ความร้อนไปจัดการก้อนไขมันให้แตกตัว เช่น ทำเลเซอร์ การใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว ส่วนการทำคาร์บ็อกซี่จะช่วยในเรื่องเซลลูไลต์ โดยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้าไปใต้ผิวหนังจะจับตัวกับน้ำเกิดเป็นกรดคาร์บอนิกที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดเซลลูไลต์ แต่ต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผล